หนัง 4D มีดีอะไร


เจ้า 4D มีดีไม่ใช่เล่นเลยล่ะ

ตัวภาษาอังกฤษ "D" ที่ต่อท้ายตัวเลข มาจากคำว่า Dimension หมายถึง มิติ ดังนั้น ภาพยนตร์ 4D ก็หมายถึงเป็นภาพยนตร์ 4 มิติ ซึ่งมันจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากแบบเดิมๆ อยู่มากทีเดียว
ตามโรงหนังธรรมดาที่มีอยู่ทั่วไป จะเป็นรูปแบบ 2D(เป็นรูปแบบปกติ ไม่ค่อยมีใครเรียกว่า 2D) คือ ภาพที่เราจะมองเห็นได้แค่ด้านกว้างและด้านยาวเท่านั้น แต่พอ 3D เริ่มเข้ามา ก็จะเป็นภาพที่มีมิติด้านลึก เนื่องจากเครื่องฉายแสดงผลภาพเร็วขึ้น จาก 24 fps เป็น 48 fps หรือ 72 fps บวกกับเทคนิคทางแสงและประมวลผล ทำให้ตาสองข้างของเรามองเห็นภาพต่างกัน ภาพที่เรามองเห็นจึงสมจริงมากขึ้น เพราะมีมิติที่ทำให้เราเห็นภาพนูนออกมาจากจอ โดยจะต้องมีตัวช่วยสำคัญอย่างแว่นสามมิติร่วมด้วย ถ้าเราไม่ใส่แว่นนี้ขณะดู ก็จะเห็นเป็นภาพมัวๆ ซ้อนๆ กันอยู่ แต่พอเราใส่ปุ๊บ มันจะชัดขึ้น เสมือนเราเข้าไปอยู่ในนั้น เช่น เวลาตกเหว อาจจะรู้สึกตกเหวลงไปจริงๆ หรือเวลาในฉากเขวี้ยงอะไรออกมา มันก็เหมือนสิ่งของพวกนั้น พุ่งมาใส่ตัวเราจริงๆ จนบางครั้งแอบมีเอี้ยวตัวหลบด้วย แต่หลายคนอาจจะต้องปวดหัวกับการใส่แว่นไปเลยก็มี

น้องๆ อาจจะสงสัยต่อว่า สามมิตินี่มันก็สุดแล้วไม่ใช่หรอคะ มิติที่ 4 คืออะไร?

ก่อนภาพยนตร์ 4D จะเข้ามาที่ไทย เคยบูมมากๆ ที่เกาหลี หลังจากนั้นไม่นานก็เข้ามาที่ไทยแล้ว แต่ไม่รู้ว่าบูมรึป่าว > สำหรับหนัง 4D ก็คือ ภาพยนตร์ 3 มิติ แต่เพิ่มมิติที่ 4 คือพวกสัมผัสและสิ่งแวดล้อมเข้าไปด้วย อย่างที่พี่มิ้นท์เกริ่นไปตอนเริ่มบทความแล้วว่า มีทั้งการสั่น ลม ละอองน้ำ ฯลฯ ซึ่งเทคโนโลยี 4D มันจะล้ำกว่าแบบ 3D ตรงที่มันจะเพิ่มเอฟเฟคต่างๆ ที่เหมือนพาเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในหนังเลย โดยจะเกิดจากเทคนิคต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ในโรงหนัง กลไกของมันจะทำงานสัมพันธ์กับจังหวะเอฟเฟคที่เกิดขึ้นในหนัง คนดูก็จะอินมากๆ
ในส่วนของเก้าอี้นั่ง ก็สามารถเคลื่อนไหวได้ โยกซ้ายขวา หน้าหลัง สั่น เขย่า เป่าลม สะกิดก็ได้ด้วย (หลอนมาก) ส่วนเทคนิคการสร้างบรรยากาศ ก็จะมีละอองน้ำ กลิ่น แสง ยกตัวอย่าง เช่น ฉากระเบิด ถ้ามันแรงมาก เก้าอี้ที่เรานั่งก็จะสั่น มีกลิ่นไหม้ มีความร้อนแฝงมาเบาๆ เหมือนเหตุการณ์ระเบิดอยู่ตรงหน้าเราจริงๆ ฉากฝนตก ก็จะมี ละอองน้ำให้เราชุ่มฉ่ำเล็กๆ น้อยๆ อาจจะมีสายฟ้าฟาด เป็นแสงแว้บออกมา หรือตอนที่พี่มิ้นท์ดู มีฉากแมงมุมแตกรัง ก็จะมีเอฟเฟคมาขยุกขยิกอยู่ใต้ขา สารภาพบาปเลยว่าตอนนั้นตกใจกรี๊ดด้วย ฮ่าๆ ทั้งหมดนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเองนะ แค่นึกก็สนุกแล้วใช่มั้ยล่ะ



ดังนั้นด้วยเอฟเฟคตระการตาขนาดนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ที่หนังที่ฉายด้วยระบบนี้ จะเป็นหนังแนวแฟนตาซี หรือไม่ก็แอ็คชั่น เพราะมีฉากน่าตื่นเต้นเยอะ คนดูก็จะได้สนุกมากยิ่งขึ้น เช่น หนังฟอร์มยักษ์อย่าง Transformers 3 เป็นต้น สำหรับหนังไทยก็แว่วๆ มาว่าบางเรื่องจะผลิตมาในรูปแบบ 4D ด้วย ว้าวว!! 4D มีดีเยอะแยะเลยล่ะ


แต่เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ก็ย่อมมาพร้อมกับราคาที่แพง ค่าตั๋วในโรงหนังแบบ 4D ก็ตกประมาณ 400 - 500 บาท ซึ่งแพงกว่าปกติหลายเท่า พี่มิ้นท์คิดว่าดูเพื่อเอาประสบการณ์ก็พอ ให้รู้ว่ามันสนุก เจ๋งแค่ไหน เพราะถ้าดูมากๆ ก็เปลืองเงินพ่อแม่โดยใช่เหตุนะคะ

0 Response to "หนัง 4D มีดีอะไร"

แสดงความคิดเห็น