หอมอย่างมีเสน่ห์



เคล็ดลับในการพรมน้ำหอมนั้น สาวๆ สามารถใส่น้ำหอมได้หลายแบบ ถ้าสาวๆ ต้องการพรมน้ำหอมให้มีกลิ่นบางๆ ดูสบายๆ ก็สามารถทาโลชั่นหรือครีมทาผิวที่มีกลิ่นน้ำหอมที่เราชื่นชอบผสมอยู่ แต่ถ้าต้องการกลิ่นที่ติดทนนาน ก็ควรที่จะใช้ โอ เดอ เพอร์ฟูม หลังจากทาครีมทาผิวแล้ว

จุดสำคัญสำหรับการพรมน้ำหอมคือ บริเวณลำคอ แขน และด้านหลังหัวเข่า กลิ่นหอมมักจะลอยตัวขึ้นด้านบน ดังนั้นการพรมน้ำหอมที่ด้านหลังหัวเข่า จะส่งผลให้เกิดความหอมทั่วเรือนร่างได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้การฉีดน้ำหอมไปในอากาศด้านหน้าและเดินผ่านละอองน้ำหอมก็จะทำให้ละอองน้ำหอมติดอยู่บนเส้นผมของสาวๆ อีกด้วยนะคะ ส่วนระยะห่างในการฉีดน้ำหอมตามจุดสำคัญต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ควรจะฉีดน้ำหอมให้ห่างจากตัวประมาณ 6 นิ้วค่ะ

การเติมน้ำหอมในระหว่างวันนั้นขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและลักษณะของน้ำหอมแต่ละชนิด น้ำหอมที่สกัดมาจากพรรณไม้ตะวันออก ดังเช่นกลิ่นโอเรียนทอลและวูดดี้ มักจะติดทนนานกว่ากลิ่นที่สกัดมาจากดอกไม้หรือผลไม้ น้ำหอมประเภท โอ เดอ เพอร์ฟูม ก็มักจะมีกลิ่นหอม เข้มข้นกว่าโคโลญจน์ เป็นต้น ตามปกติแล้วกลิ่นของน้ำหอมจะติดทนนานประมาณ 4-6 ชั่วโมง หลังจากนั้นสาวๆ ก็จะสามารถพรมน้ำหอมได้อีกครั้ง

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สาวๆ ไม่ควรที่จะฉีดน้ำหอมมากเกินไป เพราะกลิ่นจะฉุนจัดและไม่สร้างความประทับใจให้กับคนรอบข้างเอาเสียเลย ถ้าหากต้องการกลิ่นหอมแบบติดลึก แต่บางเบาสาวๆ ควรจะทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวของกลิ่นน้ำหอมนั้นก่อนและจึงตามด้วยการพรมน้ำหอม ซึ่งสามารถทำให้กลิ่นหอมติดทนนาน และเป็นที่ประทับใจสำหรับตัวเราเองและคนรอบข้างด้วย

เห็นรึเปล่าล่ะคะว่าเทคนิคง่ายๆ แค่นี้ก็จะช่วยให้สาวๆ หอมได้อย่างมีเสน่ห์แล้ว ยังไงก็ลองนำไปใช้ดูนะจ๊ะ



อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/content/girl/21765/หอมอย่างมีเสน่ห์.php#ixzz18qVj08w8

ทาครีมให้ถูกต้อง ต้องทำยังไง?



ก่อนอื่นสาวๆ จะต้องทราบก่อนนะคะว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการทาครีมคือ ในแต่ละครั้งที่สาวๆ ทาครีม สาวๆ จะต้องระวังห้ามทำให้ผิวเคลื่อนที่ค่ะ เพราะผิวของเรานั้น เปรียบเสมือนยางยืดค่ะ ยิ่งเราดึงออกมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งขยายออกมากเท่านั้น และก็จะทำให้เกิดริ้วรอยมากตามไปด้วยค่ะ … ระวังนะเผลอนวดหน้าแรงเกินไป หน้าเหี่ยวก่อนวัยไม่รู้ด้วยนะจ๊ะ


เทคนิคในการทาครีมให้ผิวหน้าของเรามีสุขภาพดีก็มีขั้นตอนง่ายๆ ก็คือ ให้สาวๆ วอร์มครีมที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง โดยถูมือเข้าหากันเบาๆ แล้ววางฝ่ามือทั้งสองข้างอย่างเบามือ ให้แนบสนิทพอดีกับแก้ม หน้าผาก คาง และคอ แล้วดึงมือออกแรงๆ จากนั้นค่อยกดเบาๆ ด้วยฝ่ามือ และนิ้วมือ เพื่อกระจายเนื้อครีมให้ทั่วใบหน้า และใ้ห้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังได้ดีขึ้นค่ะ

และอีกเคล็ดลับเล็กๆ นะคะ สำหรับการทาครีมบริเวณผิวรอบดวงตาก็คล้ายๆ กันค่ะ ให้วอร์มครีมก่อน จากนั้นใช้ปลายนิ้วกดเนื้อครีมเบาๆ ในแนวรอบดวงตาค่ะ ^^




มีสาวๆ หลายคนเลยที่ใช้วิธีการทาครีมแบบผิดๆ มาตลอด ทีนี้ได้รู้วิธีที่ถูกต้องแล้ว ก็ต้องนำไปใช้กันด้วยนะคะ ผิวหน้าของสาวๆ จะได้รับประโยชน์จากครีมได้เต็มที่ยังไงล่ะ



อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/content/girl/21936/ทาครีมให้ถูกต้อง-ต้องทำยังไง.php#ixzz18qVJXiXM

สาวๆ จะเลือกออกกำลังกายเวลาไหนดี (' ')?




สาวๆ ควรจะออกกำลังกายในช่วงเช้า ช่วงกลางวันหรือจะเป็นช่วงเย็นๆ ดี ... ถ้าหากสาวๆ เลือกเวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังกายแล้วละก็ เวลาในการออกกำลังกายจะมีผลต่อการเผาผลาญไขมันในร่างกายดีมากน้อยแตกต่างกันไปด้วยค่ะ

ดังนั้นก่อนออกกำลังกายไปในวันหนึ่งๆ สาวๆ จะต้องรู้ก่อนว่าเป้าหมายของการออกกำลังกายนั้นเพื่ออะไร แล้วจึงเลือกเวลาที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับการออกกำลังกายค่ะ

>>> ถ้าสาวๆ ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก :: สาวๆ คนไหนที่ต้องการลดน้ำหนัก พี่เหมี่ยวขอแนะนำให้สาวๆ เลือกออกกำลังกายในช่วงเวลาตอนเช้าค่ะ เพราะในช่วงเวลานี้จะช่วยเผาผลาญแคลอรีดีกว่าการออกกำลังกายในช่วงตอนเย็น เนื่องจากร่างกายจะนำเอาคาร์โบไฮเดรตจากอาหารมื้อเย็นเของเมื่อวานที่ได้ทานเข้าไปมาใช้เป็น พลังงาน กฏของการลดน้ำหนักนั้นไม่ยากเลยค่ะ จำไว้ว่า “ทานให้น้อยใช้พลังงานให้เยอะมากพอ” อิอิ


>>> ถ้าสาวๆ ออกกำลังกายเพื่อต้องความแข็งแรง :: ถ้าหากสาวๆ ต้องการมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงควรออกกำลังกายในช่วงเวลาตอนบ่ายค่ะ เนื่องจากมีผลวิจัยออกมาแล้วว่า กล้ามเนื้อของเรานั้นจะใช้งานได้ดีที่สุดตั้งแต่เวลาเที่ยงเป็นต้นไปค่ะ

>>> ถ้าสาวๆ ออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลาย :: ดูเหมือนเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ต้องการเป้าหมายซักเท่าไหร่ อาจจะต้องการออกเพียงแค่เพื่อความผ่อนคลาย สาวๆ ควรหากิจกรรมทำให้ร่างกายเคลื่อนไหว มีพัฒนาการและการเสริมสร้างระบบในร่างกายที่ดีนั้นควรจเลือกออกกำลังกายในช่วงบ่ายๆ ค่ะ จะช่วยทำให้สาวๆ ไม่เครียดง่าย และยังช่วยให้นอนหลับสบายในตอนเวลากลางคืนด้วย แหมดีจริงๆ เลยนะคะเนี่ย

สิ่งที่สาวๆ ต้องทำไปควบคู่กับการออกกำลังกายก็คือ สาวๆ ต้องเลือกทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ลดแป้ง กินผักผลไม้เยอะๆ งดอาหารจำพวกไขมันเยอะๆ เพราะอาหารที่เราทานนั้นมีผลต่อการออกกำลังกายเสมอค่ะ ถ้าสาวๆ เลือกกินผิดประเภทจะทำให้การเผาผลาญพลังงานไม่ดีพอ และสะสมเป็นไขมัน … ทีนี้ล่ะ ถึงแม้จะออกกำลังกายอยู่เป็นประจำทำยังไงไขมันก็ไม่หายไปแน่ๆ เลยล่ะค่ะ



อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/content/girl/22207/สาวๆ-จะเลือกออกกำลังกายเวลาไหนดี.php#ixzz18qUVxOjZ

ตัดเล็บยังไงให้ถูกวิธี


ตัดเล็บยังไงให้ถูกวิธี


สำหรับการตัดเล็บที่ถูกต้องนั้น เราควรตัดเล็บให้มีขนาดสั้นพอประมาณ เพราะการไว้เล็บยาวเกินไปอาจทำให้เล็บเกิดฉีกขาดได้ง่าย ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเล็บฉีกบ่อยๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเล็บ และถ้าเล็บฉีกลึกมากอาจทำให้เกิดแผลและติดเชื้อได้

ในการตัดเล็บนั้นควรตัดให้มีความโค้งมนไปตามนิ้วมือ ส่วนเล็บเท้านั้นพยายามตัดให้เป็นเส้นตรงมากที่สุดเพื่อลดการสะสมของความสกปรกตามซอกเล็บซึ่งความสกปรกนั้นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเล็บขบได้ด้วยล่ะค่ะ

นอกจากนี้สาวๆ ไม่ควรตัดสั้นจนชิดเนื้อมากเกินไป และไม่ควรใช้วัสดุใดๆ งัดแงะขอบเล็บ จมูกเล็บ เพราะอาจเกิดบาดแผลและการอักเสบและติดเชื้อได้ และอีกสิ่งที่มาควบคู่กับการตัดเล็บก็คือการตะไบ การตะไบเล็บให้สวย ถ้าหากใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเหล็ก ควรตะไบเล็บไปในทิศทางเดียว ไม่ควรถูกลับไปกลับมา เพราะจะทำให้เล็บเป็นเสี้ยนคมหรือฉีกได้ค่ะ แต่ถ้าใช้ตะไบเล็บที่ทำจากเซรามิกสามารถตะไบสวนทางกันได้ นอกจากนี้ การตะไบเล็บควรตะไบจากขอบเล็บเข้าหาปลายเล็บเสมอด้วยนะคะ

เมื่อสาวๆ ตัดเล็บและตะไบเล็บเรียบร้อยแล้ว สาวๆ จะต้องเช็คความเรียบร้อยด้วยว่าเล็บที่ตัดเสร็จแล้วนั้นมีเสี้ยนหรือมีความคมหรือไม่ ถ้ามีก็ควรตัดและตะไบเก็บความเรียบร้อย หลังจากนั้นล้างมือให้สะอาดและทาครีมบำรุงมือและเล็บด้วย

แค่นี้เล็บของสาวๆ ก็จะดูสวยสุขภาพดีแล้วล่ะค่ะ … จำไว้นะคะว่า บางครั้งการดูแลตัวเองในเรื่องเล็กๆ น้อยก็สำคัญกับสาวๆ เหมือนกันนะคะ ลองนำวิธีที่พี่เหมี่ยวแนะนำไปใช้ดูนะคะ รับรองว่าเล็บสาวๆ จะด้วยสุขภาพดีแน่นอนค่ะ





อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/content/girl/22397/ตัดเล็บยังไงให้ถูกวิธี.php#ixzz18qTTdkDg

โรคนอนไม่หลับมรณะ(Fatal Familial Insomnia)




โรคนอนไม่หลับมรณะ(Fatal Familial Insomnia)เรียก ได้ว่าเป็นอาการของโรคที่เลวร้ายที่สุด เป็นโรคที่หายาก และไม่ทราบสาเหตุของมันแน่ชัดแต่คาดว่าน่าจะเกิดจากพันธุกรรม มีสถิตการเกิดโรคนี้ประมาณ 28 ครอบครัวทั่วโลก เป็นโรคที่รักษาไม่หาย เป็นแล้วตายแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อเกิดโรคจะมีความทรมานยิ่งกว่ามะเร็งและเอดส์เสียอีก คืออาการแรกเริ่มก็คือนอนไม่หลับ ไม่ใช่ไม่หลับแค่ 2- 3 วันน่ะ แต่ไม่หลับตลอด 7-36 เดือนตั้งแต่เกิดโรคไปจนตายเลย(36 เดือนตาย แสดงว่าชีวิตคุณคงอยู่ได้ประมาณ 3 ปี โดยนอนไม่หลับ) และในระหว่างนั้นยังมีโรคอื่นๆ แทรกซ้อนอีก เช่น

1.คนไข้นอนไม่หลับ ทำให้เกิดอาการทางจิตกลัวอะไรต่างๆ มากมาย หวาดระแวง หวาดกลัว อาการเหล่านี้จะต่อเนื่องสี่เดือน

2.คนไข้เริ่มมีอาการระบบประสาทเห็นภาพหลอน ตื่นตระหนก อาการเหล่านี้จะต่อเนื่องห้าเดือน

3.ร่าง กายอ่อนแอ น้ำหนักลดลง เกิดอาการแพ้ต่างๆ อาการเหล่านี้จะต่อเนื่องสามเดือน

4.วิตก กังวล ความจำเสื่อม และช่วงท้ายๆ ของโรคจะไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ อาการเหล่านี้จะต่อเนื่องหกเดือน และเป็นอาการสุดท้ายของโลก คุณจะเป็นแบบนี้จนกระทั้งคุณตายลงอย่างทรมาน



อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1891702#ixzz17o8mZmgw

ฮันนี่แบ๊ตเจอร์



ฮันนี่แบ็ตเจอร์เป็นสัตว์ที่ร้ายกาจที่สุดอาศัยอยู่ในแอฟริกาและเอเชีย ตะวันตกเฉียงใต้ มันอาศัยอยู่ใต้ดินโพลงๆ อยู่กันเป็นครอบครัวด้วยนะ ตั้ง 20 ตัวแนะอบอุ่นจังเลย มันว่องไว ฉลาด(ประดิษฐ์เครื่องมือต่างๆ ได้ เช่น บันได) มีเขี้ยวแหลมคม หนังหนา ทำให้มันจึงกลายเป็นสัตว์ใจกล้า(ไม่หน้าด้านนะ) ทำให้อาหารของมันมีเล็กจนถึงใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น พวกสัตว์เล็กๆ พวกปลวก, กระต่าย, เม่น,งู(พิษไม่พิษกินหมด), แมงป่อง, กวาง, วิลเดอบิส(รูปร่างคล้ายวัว) สรุปคือสัตว์ทุกชนิดมันกินหมด(แต่มันชอบน้ำผึ้งมากกว่า) จนได้รับฉายาว่า "สัตว์ที่ไม่กลัวอะไรเลย" ชื่อของมันลงกินเนสบุ๊ค ปี 2002 มันเคยชนะจระเข้ด้วยนะ และมีรายงานว่ามันฆ่าสิงโต เสือดาว ด้วย

แอปเปิ้ลหลากสีต้านโรค !!! (OoO)



แอปเปิ้ล ผลไม้ที่มีขายกันอย่างแพร่หลาย แต่คุณจะรู้ไหมว่า เจ้าแอปเปิ้ล นี้มีประโยชน์กับสุขภาพร่างกายของเราแค่ไหน

แอปเปิ้ลแดง เป็นที่คุ้นตากันที่สุด โดยเฉพาะพันธุ์ "Red delicious" ที่มีจุดเด่นในเรื่องสุขภาพ คือ มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากที่สุด และยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วยค่ะ

แอปเปิ้ลสีชมพู เช่น แอปเปิ้ลพันธุ์ "Fuji" นั้น มีฟิโนลิกมากที่สุดในบรรดาเพื่อนๆ แอปเปิ้ลด้วยกัน ซึ่งสารนี้จะช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า ชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมี ฟลาโวนอยด์ ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้ด้วย

แอปเปิ้ลสีเขียว รสเปรี้ยวอมหวาน เป็นขวัญใจคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักก็มีดี ไม่แพ้ใคร เพราะการกินแอปเปิ้ลสีเขียว อย่างพันธุ์ "Granny Smith"นอกจากจะได้รับน้ำตาลน้อยแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างอิลาสตินและคอลลาเจน ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงยืดหยุ่นได้ดี

แอปเปิ้ลสีเหลือง เป็นแอปเปิ้ล ที่ออกจะมีประโยชน์ฉีกแนวต่างจากเพื่อนๆ เพราะแอปเปิ้ลสีเหลืองอย่างพันธุ์ "Golden Delicious" มีสารเคอร์เซตินที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก


เบียร์รักษาโรคสมองเสื่อมได้ !!!!!

เบียร์รักษาโรคสมองเสื่อมได้ มาดูกัน

หลายปีมานี้ นักโภชนาการและแพทย์จำนวนหนึ่งต่างค้นพบว่า เบียร์มีประสิทธิภาพพิเศษในการรักษาโรคได้หลายโรค โดยเฉพาะ
โรค สมองเสื่อม วิธีการรักษาคือ ดื่มเบียร์ 300 ซี.ซี. หลังอาหารเช้าครึ่งชั่วโมง และก่อนเข้านอนครึ่งชั่วโมง พร้อมกับรับประทานวิตามินบี2
จำนวน 20 กรัม ให้ทานติดต่อกัน 60 วัน ก็จะเห็นผล เล่ากันว่าวิธีรักษาแบบนี้ได้ผลถึง 90 % เลยทีเดียว ผู้ป่วยด้วยโรคประสาทอ่อนบางราย
ป่วยมานาน 10 - 20 ปี ต้องทุกข์ทรมานเพราะนอนไม่หลับแต่หลังจากรักษาด้วยวิธีนี้ ก็สามารถนอนหลับสบายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน



อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2000191#ixzz17o629Vxm

9 อาการเตือนถึงสายตาที่อ่อนล้า

ยุค IT อย่างนี้ผู้คนต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์กันมากขึ้นและนานขึ้น แค่ทำที่ทำงานยังไม่พอบางคนยังหอบเอางานไปพิมพ์กันต่อที่บ้านหรือไม่ก็นั่ง เช็คอีเมลล์หรือแช็ตกับเพื่อนอีก ชีวิตที่ต้องขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ ทำให้ตาต้องทำงานหนักมากขึ้นจากการเพ่ง จ้อง และการ พยายามปรับโฟกัสภาพ ส่งผลให้หลายคนมีอาการผิดปรกติทางตา ลองสังเกตอาการเหล่านี้ว่ากำลังเกิดขึ้นกับตัวคุณเองหรือเปล่า
- ปวดหัวเสมอ ๆ ระหว่างทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือหลังจากทำเสร็จแล้ว
- ตาแห้งและระคายเคืองที่ตา
- มองเห็นไม่ชัด เห็นเป็นภาพเบลอๆ
- เวลาเปลี่ยนโฟกัสจากหน้าจอไปยังสิ่งของอย่างอื่น รู้สึกว่าโฟกัสได้ช้าลงกว่าปกติ
- สำหรับคนที่ต้องพิมพ์งานตามต้นฉบับเสมอๆ เวลาเลื่อนสายตาไปมา ระหว่างต้นฉบับกับหน้าจอแล้วมันจะหลุดบรรทัดบ่อย ๆ
- หลังจากที่จ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ แล้วมองภาพระยะไกลๆ ไม่ค่อยแจ่มชัด
- เห็ดภาพซ้อนเป็นบางครั้ง
- การรับรู้สีผิดเพี้ยนไปจากสีจริง หรือมองเห็นแสงสีแว้บๆในสายตา
- สายตาเปลี่ยนขนาดความสั้น ยาว เอียงไปจากเดิม

อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2000192#ixzz17o5pA36r

ผู้สร้าง "อาหารกระป๋อง" ขึ้นมาคนแรก คือ...???




อาหารกระป๋อง คือ อาหารที่ได้รับการแปรรูปและผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน ทำให้เชื้อราและแบคทีเรียที่จะทำให้อาหารเน่าเสียถูกกำจัดทิ้งไป หลังจากนั้นจึงนำไปบรรจุในกระป๋องหรือถุงที่มีสุญญากาศแล้วปิดให้สนิท

การผลิตอาหารกระป๋องครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1804 เมื่อ “จักรพรรดินโปเลียนที่ 1” ได้สั่งให้พ่อครัวที่ชื่อ “นิโคลัส ฟรองชัวร์ อัปแปร์ต” ไปคิดค้นวิธีการเก็บอาหารให้อยู่ได้นานๆ เพื่อใช้เป็นเสบียงอาหารให้แก่ทหารในช่วงสงคราม โดยในช่วงแรกนั้นอาหารจะถูกบรรจุลงในขวดและใช้จุกไม้ปิด ต่อมาในปี ค.ศ. 1810 นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษที่ชื่อ “ปีเตอร์ ดูรันด์” ได้คิดและพัฒนากระป๋องโลหะที่สามารถนำอาหารมาบรรจุและผนึกปิดฝาได้ขึ้นมา ซึ่งรูปแบบกระป๋องแบบนี้ก็ถูกนำมาใช้จนในปัจจุบันนี้

ผิวแห้งในหน้าหนาวดูแลยังไงดี?


ในบางคนที่มีผิวบางมากๆ อาจเกิดอาหารอักเสบระคายเคืองหรือมีอาการคันง่าย ริมฝีปากอาจแห้งแตก หนังศีรษะแห่งและลอก (เป็นรังแค) ไม่เพียงแค่นั้น ในช่วงที่อากาศหนาวแบบนี้ยังเป็นปัจจัยที่เอื้อให้โรคผิวหนังบางโรคเกิดการกำเริบได้ง่ายมากขึ้น เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) ผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน (Seborrheic Dermatitis) โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นต้น

สำหรับสาวๆ อย่างพวกเรา การดูแลผิวในช่วงฤดูหนาวนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราจะต้องดูแลผิวหนังให้มีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา และถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นบ่อยๆ เพราะทำยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้น และหลังจากอาบน้ำควรทาโลชั่นให้ชุ่มชื้นหลักจากการอาบน้ำทุกครั้ง เนื่องจากหลังอาบน้ำใหม่ๆ น้ำยังระเหยไปไม่หมด โลชั่นจะอุ้มน้ำได้ดีค่ะ

ส่วนการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ในสาวๆ ที่มีอาการเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังซึ่งจะมีอาการผิวแห้งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอม สี และสารกันเสีย เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย

สาวๆ คนไหนที่เป็นผิวปกติหรือผิวแห้งน้อยควรเลือกทาโลชั่นค่ะ แต่ถ้าเป็นสาวที่มีผิวแห้งปานกลางถึงแห่งมากควรใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื่นกับผิวชนิดที่เป็นครีมหรือขี้ผึ้ง ส่วนการเลือกใช้สบู่ควรเลือกใช้สบู่ที่มีความระคายเคืองต่อผิวน้อย เลือกใช้สบู่ที่ไม่มีความเป็นกรดหรือด่างมากจนเกินไป และเวลาที่สาวๆ อาบน้ำไม่ควรฟอกสบู่มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ไขมันบนผิวหนังลดน้อยลงค่ะ สำหรับสาวๆ ที่มีผิวแห้งมากไม่ควรอาบน้ำเกินวันละ 2 ครั้ง โดยอาจอาบน้ำเปล่า และเลือกฟอกสบู่เฉพาะตามซอกต่างๆ ที่มีความอับชื้น เช่น คอ ขาหนีบ และรักแร้ ก็สามารถช่วยลดอาการแห้งของผิวได้ค่ะ

ครีมกันแดดก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับสาวๆ เสมอ เพราะในฤดูหนาวถึงอาจมีอากาศเย็นสบาย แต่ก็มีแดดแรงมากเช่นกัน การทาครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่สาวๆ อย่างเราไม่ควรมองข้าม เพราะในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งจะไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆ ดังนั้น สาวๆ จึงควรทาครีมกันแดดทุกวันและควรทาครีมกันแดดก่อนออกโดนแดดอย่างน้อย 30 นาที

หลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. การทาครีมกันแดดควรทาให้เพียงพอ ไม่บางหรือหนาจนเกินไป ควรเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ มีความคงตัวสูง ไม่ว่าจะโดนน้ำ หรือเหงื่อ ไม่เหนียว สำหรับคนที่อยู่ในอาคาร ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ประมาณ 15 แต่ถ้าต้องออกไปโดนแดดจัด ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ประมาณ 30

ฝึกนิสัยน้องหมาไม่ให้กลัวการอาบน้ำ



การฝึกนิสัยรักความสะอาดของสุนัข ควรเริ่มตั้งแต่เค้ายังเป็นเด็กอยู่ค่ะ ...

คุณผู้เลี้ยงควรทำให้เรารู้ว่า ทุกครั้งที่เค้าไปเล่นซนข้างนอกบ้าน ก่อนที่จะได้เข้ามาพักกินข้าวหรือเข้ามานอนในบ้าน(ในกรณีที่เลี้ยงน้องหมาไว้ในบ้าน) เค้าจะต้องถูกพาไปทำความสะอาดโดยการล้างเท้า หรือเช็ดตัวก่อน ถึงจะเข้าบ้านได้

ในตอนแรกสุนัขอาจจะมีการขัดขืนบ้าง แต่เราต้องพยายาม(แกมบังคับ)พาเค้าไปทำความสะอาดให้ได้ เมื่อทำบ่อยครั้งเข้า สุนัขจะเคยชิน และยอมให้เราทำความสะอาดโดยที่เราไม่ต้องบังคับ

ส่วนเรื่องของการอาบน้ำนั้น ถ้าเป็นสุนัขขนาดเล็ก โดยธรรมชาติเค้าจะค่อนข้างกลัวน้ำและไม่ชอบความชื้น ดังนั้นในการอาบน้ำ ผู้เลี้ยงควรเลี่ยงการอาบน้ำในช่วงที่มีอากาศเย็น

เช่น ช่วงค่ำ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วสุนัขจะรู้สึกเข็ดและไม่อยากอาบน้ำในครั้งต่อไปน้ำที่ใช้อาบควรเป็นน้ำอุ่นเพื่อป้องกันไม่ให้น้องหมาหนาวค่ะ ...





ในการอาบน้ำน้องหมาที่มีขนาดเล็กนั้น ผู้เลี้ยงอาจะไม่จำเป็นต้องสั่งให้เค้านั่ง
อย่างการอาบน้ำสุนัขตัวใหญ่ สามารถอาบน้ำได้ทั้งที่เค้ายังยืนอยู่ แต่ปัญหาคือสุนัขขนาดเล็กจะไม่ค่อยอยู่นิ่ง ดังนั้นเราจึงควรฝึกให้เค้าอยู่นิ่งๆ ก่อน

โดยการเริ่มจากล่ามโซ่หรือผูกสายจูงไว้เพื่อไม่ให้สุนัขดิ้น หรือวิ่งหนี หรืออาจจะใส่วิธีจับเค้าใส่กะละมังไว้(เหมือนอาบน้ำเด็ก)ก็ได้ วิธีนี้อาจไม่ได้ผลนักถ้าเจ้าของไม่ใช้คำสั่งเสียง เช่น "อยู่นิ่งๆ" "อยู่เฉย" หรือเรียกชื่อสุนัขประกอบไปด้วย

สิ่งที่ควรระวังเป็นอย่างยิ่งคือ อย่าให้น้ำเข้าหู หรือเข้าตา สุนัขเป็นอันขาด เพราะน้องหมาจะไม่สามารถช่วยตัวเองได้ และอาจจะเข็ดกับการอาบน้ำ

สำหรับสุนัขใหญ่ การอาบน้ำนั่นอาจทำได้ยากกว่าสุนัขเล็ก (สุนัขเล็กถ้ากลัวว่าเค้าจะหนาวสามารถพาไปอาบน้ำในห้องน้ำได้ แต่สุนัขใหญ่นั้น การอาบน้ำในที่โล่งน่าจะสะดวกมากกว่า)

ในกรณีที่เรียกน้องหมามาอาบน้ำ แล้วเค้าไม่มา เราไม่ควรใช้วิธีตี หรือดุเด็ดขาด เพราะจำทำให้สุนัขยิ่งมีอาการต่อต้าน ให้ผู้เลี้ยงใช้วิธีเรียกชื่อ หรือใช้อาหารสุดโปรดเป็นตัวช่วยในการล่อให้สุนัขยอมออกมา

เมื่อได้ตัวแล้วให้ใช้สายจูงหรือโซ่ล่ามไว้ แล้วค่อยลงมืออาบน้ำ เช่นเดียวกันกับสุนัขตัวเล็ก ผู้เลี้ยงควรระวังไม่ให้น้ำเข้าหูหรือตาสุนัข เวลาอาบน้ำสุนัขใหญ่ เราควรสั่งให้สุนัขนั่งลง เพื่อให้สะดวกต่อการทำความสะอาดบริเวณใต้ท้องและขา

ถ้าสุนัขไม่ยอมนั่ง ให้ใช้มือตบหรือกดเบาๆ บริเวณสะโพก เพื่อเป็นสัญญาณบอกให้สุนัขนั่งลง ประกอบกับใช้คำสั่งเสียง "นั่งลง" หรือ "นั่ง" เพื่อให้สุนัขเข้าใจและปฏิบัติตาม

เมื่อเราใช้วิธีนี้ในการอาบน้ำเป็นประจำ สุนัขจะจดจำและสามารถปรับตัวได้เมื่อถึงเวลาที่จะต้องอาบน้ำ ... ยังไงเพื่อนๆ ลองนำวิธีนี้ไปใช้กับเจ้าตัวยุ่งดูนะคะ รับรองว่าช่วยลดปัญหาในการอาบน้ำไปได้แน่นอนค่ะ