ปากกาเคมีก็มีอันตรายเหมือนกันนะ !



เคยสังเกตเวลาใช้ปากกาไวท์บอร์ดหรือปากกาเคมีมั้ยคะว่ามีกลิ่นฉุนของสารเคมีออกมาเวลาที่เขียนด้วยรึเปล่า ถ้ามีขอแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ตราม้าดีกว่าค่ะ เพราะกลิ่นที่ว่านั้นคือสารเคมีที่เรียกว่า "ไซลีน”สารไซลีนใช้เป็นทินเนอร์หรือสารละลายในหมึก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมผลิตสี อุตสาหกรรมงานพิมพ์ โรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ อู่เคาะพ่นสี ฯลฯ


สารไซลีน สามารเข้าสู่ร่างกายคนเราได้ทางผิวหนังและการหายใจ เมื่อผ่านเข้าทางผิวหนังจะ่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง อย่างรุนแรง ส่วนการหายใจเข้าสู่ร่างกาย จะถูกส่งไปยังปอด ผ่านเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ส่งผลต่อร่างกายได้หลายระดับ ตามปริมาณที่รับเข้าไป เช่น ทำให้มึนงง ปวดศีรษะ คลื่นเหียนอาเจียน เกิดการเสียวคอและหน้าอก เกิดการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจ ไอและน้ำมูกไหล นอกจากนี้การรับสารไซลีน ในปริมาณไม่มากต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน ก็สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน การสูดไอเคมีเข้าไปเรื่อยๆ จะไปกระตุ้นและกดระบบประสาทส่วนกลาง เช่น เกิดอาการชา สั่นกระตุก หวาดกลัว ความจำเสื่อม อ่อนเพลีย จิตใจกระวนกระวาย ทรงตัวลำบาก เบื่ออาหาร คลื่นเหียน และท้องอืด


ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีอย่าง ปากกาไวท์บอร์ด หรือ ปากกาเคมี ควรสังเกตฉลากด้านข้าง อย่างละเอียดว่า มีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัยอย่างเครื่องหมาย AP และ CE หรือไม่ สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้จะละเลยไม่ได้นะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเอง

ใครกดดันกับการสอบบ้าง ??


เครียดจนเกินไป ทำสอบไม่ได้ เกิดความเศร้าซึมกันอีก ก่อนจะถึงขั้นนั้นเรามาดูแลตัวเองให้ดีๆ เพื่อทนรับแรงกดดันกันดีกว่า


เป็นกันทุกคนตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.6 ความกดดันตื่นเต้น ก็จะยิ่งทำให้ความคิดตันไปด้วย ถ้ากลัวสมาธิกระเจิง คิดความรู้ไม่แล่น คุณต้องจัดการกับความกดดันตั้งแต่อยู่นอกห้องสอบ


ฝึกนั่งสมาธิ จะเอาไว้ก่อนหรือหลังอ่านหนังสือก็ได้ ทำความคิดของเราให้นิ่งวันละ 5-10 นาที เริ่มแรกจะเริ่มจาก 1-3 นาทีก่อนก็ได้ จิตใจที่นิ่งขึ้น จะทำให้จัดการกับแรงกดดันได้ดี มีสมาธิในการแก้ไขโจทย์ตรงหน้าอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอนครับ


ฝึกทนความกดดันในห้องสอบ บรรยากาศภายในห้องสอบมันต่างกับข้างนอกมากอย่างเช่น บางคนลองฝึกทำโจทย์ชิลล์ๆ คิดไม่ออกก็หยิบขนมกิน เปิดทีวีดูไปเรื่อย หรือทำไม่ได้ก็ข้ามไปวิชาอื่น ในการสอบจริงจังพอหนุ่มๆ เจอภาวะกดดันเข้าชักไม่คุ้น ทำตัวไม่ถูก จะทำไปช้าๆ ชิลล์ๆ ก็เหลือโจทย์อีกกว่า 80 ข้อ แล้วก็เกิดปัญหาที่ชาวเด็กแอดฯเจอบอ่ยๆ คือ ทำข้อสอบไม่ทัน ครูปุ๋มแนะนำให้เราทำโจทย์ข้อสอบเก่าด้วยการฝึกรับแรงกดดันเช่น เราควรจับเวลาในการทำข้อสอบนั้น 10 ต้องทำให้ได้ใน 15 นาที การฝึกนี้นอกจากจะทำให้เราต้องคิดเร็วและทำให้เราทนรับความกดดันจนคุ้นเคย

สาวๆ จะเลือกออกกำลังกายเวลาไหนดี ?


สาวๆ คงจะทราบกันดีใช่รึเปล่าคะว่า “การออกกำลังกาย” ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายของสาวๆ แข็งแรงและมีรูปร่างที่ดี … แต่เคยสงสัยกันบ้างรึเปล่าคะว่า “เวลาไหนคือเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกาย?”

สาวๆ ควรจะออกกำลังกายในช่วงเช้า ช่วงกลางวันหรือจะเป็นช่วงเย็นๆ ดี ... ถ้าหากสาวๆ เลือกเวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังกายแล้วละก็ เวลาในการออกกำลังกายจะมีผลต่อการเผาผลาญไขมันในร่างกายดีมากน้อยแตกต่างกันไป
ดังนั้นก่อนออกกำลังกายไปในวันหนึ่งๆ สาวๆ จะต้องรู้ก่อนว่าเป้าหมายของการออกกำลังกายนั้นเพื่ออะไร แล้วจึงเลือกเวลาที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับการออกกำลังกายค่ะ

>>> ถ้าสาวๆ ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก :: สาวๆ คนไหนที่ต้องการลดน้ำหนัก พี่เหมี่ยวขอแนะนำให้สาวๆ เลือกออกกำลังกายในช่วงเวลาตอนเช้าค่ะ เพราะในช่วงเวลานี้จะช่วยเผาผลาญแคลอรีดีกว่าการออกกำลังกายในช่วงตอนเย็น เนื่องจากร่างกายจะนำเอาคาร์โบไฮเดรตจากอาหารมื้อเย็นเของเมื่อวานที่ได้ทานเข้าไปมาใช้เป็น พลังงาน กฏของการลดน้ำหนักนั้นไม่ยากเลยค่ะ จำไว้ว่า “ทานให้น้อยใช้พลังงานให้เยอะมากพอ”


>>> ถ้าสาวๆ ออกกำลังกายเพื่อต้องความแข็งแรง :: ถ้าหากสาวๆ ต้องการมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงควรออกกำลังกายในช่วงเวลาตอนบ่ายค่ะ เนื่องจากมีผลวิจัยออกมาแล้วว่า กล้ามเนื้อของเรานั้นจะใช้งานได้ดีที่สุดตั้งแต่เวลาเที่ยงเป็นต้นไปค่ะ




>>> ถ้าสาวๆ ออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลาย :: ดูเหมือนเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ต้องการเป้าหมายซักเท่าไหร่ อาจจะต้องการออกเพียงแค่เพื่อความผ่อนคลาย สาวๆ ควรหากิจกรรมทำให้ร่างกายเคลื่อนไหว มีพัฒนาการและการเสริมสร้างระบบในร่างกายที่ดีนั้นควรจเลือกออกกำลังกายในช่วงบ่ายๆ ค่ะ จะช่วยทำให้สาวๆ ไม่เครียดง่าย และยังช่วยให้นอนหลับสบายในตอนเวลากลางคืนด้วย แหมดีจริงๆ เลยนะคะเนี่ย
สิ่งที่สาวๆ ต้องทำไปควบคู่กับการออกกำลังกายก็คือ สาวๆ ต้องเลือกทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ลดแป้ง กินผักผลไม้เยอะๆ งดอาหารจำพวกไขมันเยอะๆ เพราะอาหารที่เราทานนั้นมีผลต่อการออกกำลังกายเสมอค่ะ ถ้าสาวๆ เลือกกินผิดประเภทจะทำให้การเผาผลาญพลังงานไม่ดีพอ และสะสมเป็นไขมัน … ทีนี้ล่ะ ถึงแม้จะออกกำลังกายอยู่เป็นประจำทำยังไงไขมันก็ไม่หายไปแน่ๆ เลยล่ะ


โจ๋นอนน้อยกว่า 8 ช.ม.เสี่ยงอ้วน

โจ๋นอนน้อยกว่า 8 ช.ม.เสี่ยงอ้วน




ศาสตราจารย์ซูซาน เรดไลน์ นักวิจัยด้านเภสัชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ ทำการวิจัยกับวัยรุ่นจำนวน 240 คน อายุ 16-19 ปี เป็นเวลา 3 สัปดาห์ โดยกำหนดให้ร้อยละ 80 เป็นคนอ้วน

พบว่า วัยรุ่นกลุ่มที่นอนน้อยกว่า 8 ชั่วโมง โดยเฉพาะวัยรุ่นสาว มีอัตราการดูดซึมแคลอรีจากไขมัน สูงขึ้นร้อยละ 2.2 ขณะที่อัตราการดูดซึมแคลอรีจากคาร์โบไฮเดรตกลับลดต่ำลงร้อยละ 3
นอกจากนี้นักวิจัยยังระบุว่า การนอนน้อยกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกขาดพลังงาน ทำให้เราเผลอกินขนมจุบจิบไม่รู้ตัวในช่วงตี 5 ถึง 7 โมงเช้าเป็นประจำ
ใครเป็นตามนี้ต้องปรับพฤติกรรมได้แล้วนะ

ภัยจากสเปรย์ฉีดผม

ภัยจากสเปรย์ฉีดผม

พิษภัยต่างๆ รายรอบตัวเราทุกวันนี้มีอันตรายมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะจากของกินของใช้ในชีวิตประจำวันของเราเองนั่นแหละคือแหล่งสารพิษตัวร้าย บางอย่างมีอันตรายถึงชีวิต

หนังสือ "บ้านปลอดพิษชีวิตปลอดภัย" เขียนโดย ผศ.ดร.พูลสุข ปรัชญานุสรณ์ ของสำนักพิมพ์มติชน ได้รวบรวมนานาสารพันเกี่ยวกับสารเคมีที่เจือปนอยู่ในข้าวของต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจ

ตัวอย่างสารพิษที่อันตรายมาก แต่หลายคนอาจคาดไม่ถึง อาทิสเปรย์ฉีดผมที่นิยมใช้กันนั้น ก็มีสารชนิดหนึ่งมากเป็นพิเศษ นั่นคือ สารฟธาเลต (Phthalate) ซึ่งจากการศึกษาวิจัยในประเทศอังกฤษระบุว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ใช้สเปรย์ฉีดผมมาก มีโอกาสที่ลูกในครรภ์จะป่วยเป็นโรคไฮโพสปาเดียส(Hypospadias) สูงถึงสองเท่าตัว

โรคนี้จะทำให้ท่อปัสสาวะของผู้ชายมีลักษณะผิดปกติ และมีการพบว่ามีส่วนทำให้น้ำหนักตัวของทารกแรกเกิดน้อยกว่าปกติด้วย

นอกจากนี้ ยังพบว่าสารนี้ยังก่อให้เกิดการเบี่ยงเบนทางเพศของเด็กชาย โดยกระบวนการเบี่ยงเบนทางเพศเป็นลักษณะหญิง เกิดขึ้นในขณะตั้งครรภ์ เมื่อมารดาได้รับสารพิษจะทำให้การทำ งานของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนของเด็กชายในครรภ์ถูกรบกวน

นักวิจัยพบว่า เด็กที่ได้รับสารฟธาเลตสูงตั้งแต่อยู่ในครรภ์จะหลีกเลี่ยงการเล่นของเล่นพวกรถ รถไฟ หรือปืน อีกทั้งไม่ชอบการเล่นที่รุนแรง แต่กลับสนใจการละเล่นหรือของเล่นที่เด็กหญิงชอบ

นอกจากในสเปรย์ฉีดผม สารฟธาเลตยังพบมากในไวนีล พีวีซี และพลาสติกหลากหลายชนิดด้วย ดังนั้น หากกำลังตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้สเปรย์ฉีดผม สเปรย์ปรับอากาศ น้ำยาย้อมผม น้ำยาทำความสะอาดสุขภัณฑ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม และยาระงับกลิ่นกายทั้งหลาย
จะเป็นการดีที่สุด

มาทำความรู้จักกับ "พระเจ้าเหา" กัน ;))

รูปพระเจ้าเหา


รูปถ่ายพระบรมศพ พระเจ้าเหา (น้อย) พระมหากษัตริย์ ต้นตระกูลไทยพระบรมศพนี้อยู่ ณ เมืองจูฟู มณฑลซานตุง (ซัวตัง)



คำว่า "พระเจ้าเหา" นี้ใช้อ้างอิงกันบ่อยมาก ในกรณีที่ผู้พูดต้องการเน้นว่าเรื่องที่ตนพูดเป็นเรื่องโบราณเต็มที แต่มักไม่ใคร่มีใครทราบว่า "พระเจ้าเหา" นั้นมีองค์จริง หรือเรื่องราวปรากฎอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีความว่า พระเจ้าเสียวเหา หรือ พระเจ้าเหา(น้อย) เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าหว่างตี้ ราชวงค์ที่1 ปฐมกษัตริย์ของจีน ครองราชย์ 2145-2055 ปี ก่อนพุทธศักราช อยู่ในราชสมบัติ 100 ปี มีพระอัครชายา 5 องค์ พระนางชีเลงสี พระมารดาพระเจ้าเหา(น้อย) เป็นพระอัครชายาที่1



มีพระโอรส 3 องค์ คือ

1. ชังฮี

2. พระเจ้าเหา(น้อย)

3. หล่งเมี้ยว

พระเจ้าเหา(น้อย)เป็นพระโอรส อันดับที่ 2 พระองค์ขึ้นครองราชย์เมื่อปีมะโรง 2045 ปี ก่อนพุทธศักราช และสวรรคตเมื่อ ปีเถาะ 1971 ปี ก่อนพุทธศักราช พระองค์เป็นต้นตระกูลไทย ในบันทึกประวัติศาตร์จีน มีชัดแจ้งอยู่ว่า เชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหานี้ ได้รับพระราชทานตราตั้ง ราชกูล "ไทไท" เป็นฐานันดรศักดิ์ประจำตระกูล ฉะนั้นพระเจ้าเหาจึงนับว่าทรงเป็น ต้นตระกูลไทย และว่าเป็น บรรพบุรุษของไทย ดังที่บรรพบุรุษไทยแต่โบราณกาลมักอ้างเสมอว่า คนไทยนี้เป็นลูกหลานพระเจ้าเหา ที่น่าสังเกตคือ มีคำพูดอันหมายถึงเก่าแก่เหลือเกิน ติดปากคนไทยมาจนถึงทุกวันนี้ว่า โอ๊ย เก่าแก่ตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาโน่น

โรคจอประสาทตาเสื่อม กินปลาช่วยได้

การกินปลามากๆ นอกจากจะมีผลดีต่อสมองของเราแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดความเสียงโรคจอประสาทตาเสื่อมได้อีกด้วย



ข้อมูลดังกล่าว ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ในบัลติมอร์ โดยถึงแม้ว่าผลการวิจัยนี้จะไม่ได้พิสูจน์ว่าการกินปลาลดความเสี่ยงในการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม (เอเอ็มดี) ได้ร้อยเปอร์เซ็น แต่บอนไนลิน เค. สวีเนอร์ นักวิจัยที่ศึกษาเรื่องนี้กล่าวว่า การค้นพบนี้ตอกย้ำงานวิจัยในอดีตที่แสดงให้เห็นว่า คนที่กินปลามีแนวโน้มมีอัตราการเป็นโรคเอเอ็มดีน้อยกว่าคนที่ไม่ค่อยกินปลา
งานศึกษาที่อยู่ในวารสารออปทัลโมโลจี้ยังสนับสนุนทฤษฎีที่ว่า กรดไขมันโอเมกา-3 ที่ส่วนใหญ่พบในปลาที่มีไขมันอย่างซัลมอน แมกเคอเรล และอัลบาคอร์ทูนานั้น อาจมีผลต่อพัฒนาการหรือความคืบหน้าของโรคเอเอ็มดีได้ ทั้งนี้ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการบ่งชี้ว่า อาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมกา-3 อาจลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเอเอ็มดีของผู้ป่วยบางคนได้ แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยในเรื่องนี้เพิ่มเติม


โดยในการศึกษานี้ สวีเนอร์และทีมนักวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างอายุ 65 - 84 ปี ที่เข้ารับการตรวจสายตาและทำแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินอาหารอย่างละเอียด จำนวน 2,520 คน ซึ่งผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่าง 15% มีอาการเอเอ็มดีระยะต้นหรือระยะกลาง แต่มีแค่ 3% อยู่ในขั้นรุนแรง ขณะที่คนที่กินปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งมีแนวโน้มมีอาการเอเอ็มดีขั้นรุนแรงน้อยกว่าคนที่กินปลาเฉลี่ยไม่ถึงสัปดาห์ละครั้งถึง 60%


จากผลการวิจัยครั้งนี้ นักวิจัยไม่พบความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างการกินปลากับความเสี่ยงในการเป็นโรคเอเอ็มดีของกลุ่มตัวอย่าง แต่พบความเชื่อมโยงระหว่างการกินปลาที่มีกรดไขมันโอเมกา-3 สูง กับความเสี่ยงในการเป็นเอเอ็มดีขั้นรุนแรง


สำหรับโรคเอเอ็มดีเกิดจากเส้นเลือดหลังจอประสาทตาขยายผิดปกติ และเป็นสาเหตุหลักของอาการตาบอดในผู้สูงวัย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ แต่การบำบัดบางวิธีอาจช่วยป้องกันหรือชะลอการสูญเสียการมองเห็นขั้นรุนแรงได้


ถึงแม้ตอนนี้การหยุดยั้งความคืบหน้าของเอเอ็มดีด้วยปลาหรือโอเมกา-3 ยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรับรองได้ชัดเจน แต่ขณะนี้กำลังมีการขยายผลรายงานของรัฐบาลสหรัฐอมริกา เพื่อค้นหาว่าการเพิ่มน้ำมันปลา และสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างลูทีนและซีแซนทีน ในอาหารเสริมดั้งเดิม จะทำให้ประโยชน์ในการต่อต้านเอเอ็มดีเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งจะต้องติดตามผลในลำดับต่อไป



5 สิ่งมหัศจรรย์ที่ "สิงคโปร์"

5 สิ่งมหัศจรรย์ที่ "สิงคโปร์"


ขอนำเรื่องราวจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ เมืองไทยที่ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็ได้ชื่อว่าเจริญสุดๆ เลยล่ะ นั่นก็คือ "สิงคโปร์" นั่นเองค่ะ
เชื่อเลยว่าถ้าใครเคยไปสิงคโปร์ จะต้องรู้สึกอะเมซิ่งกับความเจริญและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองเค้าซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก แต่ความมหัศจรรย์ในสิงคโปร์ยังมีอีกมากมาย ได้แก่ 5 ข้อต่อไปนี้เลย !


1. สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีคนหลากหลายเชื้อชาติมาก หลักๆ ก็คือจีน (มีกว่า 70 เปอร์เซนต์) รองลงมาคือชาวมาเลย์ และชาวอินเดียนั่นเองค่ะ ดังนั้นในสิงคโปร์จึงมีย่านที่เป็นของเชื้อชาตินั่นโดยเฉพาะ ได้แก่ ย่าน China Town ที่เป็นย่านของคนจีนโดยเฉพาะ และย่าน Little India ที่เป็นย่านของคนอินเดีย .... จึงว่ากันว่า ที่สิงคโปร์นั้น หากมีคนเดินมาพร้อมกัน 5 คน ขอให้เชื่อได้เลยค่ะว่าทั้ง 5 คนนั้น เป็นคนละเชื้อชาติแน่นอน ^^




. พลเมืองแทบจะทุกคนในสิงคโปร์พูดภาษาอังกฤษได้และพูดได้ดีซะด้วย นั่นก็เพราะว่าประเทศสิงคโปร์ประกอบไปด้วยหลายเชื้อชาติ วัฒนธรรมที่นี่จึงเป็นอะไรที่พหุวัฒนธรรมสุดๆ ดังนั้นภาษาที่จะทำให้แต่ละชาติคุยกันรู้เรื่องจึงไม่พ้นภาษาอังกฤษค่ะ (ลองคิดสิว่าคนอินเดียจะไปซื้อของในร้านที่คนจีนขายได้ยังไง ถ้าไม่พูดภาษาอังกฤษ) คนบางคนแม้กระทั่งคนเร่ร่อนจากข้างถนนที่เราไม่คิดว่าเค้าจะพูดภาษาอังกฤษได้ กลับพูดได้ แถมพูดได้ดีซะด้วย !!


3. ประเทศสิงคโปร์ มีการแบ่งถนนออกเป็นซอยๆ ซอยเลขคู่อยู่ฝั่งนึง เลขคี่อยู่ฝั่งนึง เหมือนบ้านเราเด๊ะ ! แต่คำว่า "ซอย" ที่สิงคโปร์เค้าจะเรียกกันว่า Lor ค่ะ เช่น Lor 1 ก็หมายถึงซอย 1 เนี่ยแหละ ได้บรรยากาศเมืองไทยมากๆ 5555
4. ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีห้างเยอะมากๆๆ โดยเฉพาะบนถนน Orchard (ออชาร์ด) ถนนสายช้อปปิ้งแค่ถนนเดียว มีห้างสรรพสินค้ารวมกันเกือบ 20 ห้าง ! เช่น ห้างทาคาชิมายะ (ห้างสรรพสินค้าสัญชาติญี่ปุ่น และมีร้านหนังสือคิโนคุนิยะที่ใหญ่มาก) ห้างพารากอน (ชื่อเหมือนห้างบ้านเรา ขายของแบรนด์เนมแบบเดียวกันเด๊ะ) และห้างอะไรต่ออะไรอีกมากมาย เดินได้เป็นสัปดาห์ก็ยังเดินไม่ทั่ว



5. และล่าสุดกับ Marina Bay Sand โรงแรมสุดใหญ่ยักษ์แห่งใหม่ล่าสุดของสิงคโปร์ ที่เพิ่งจะเปิดบริการไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ที่นี่ไม่ใช่แค่โรงแรมธรรมดานะคะ เพราะมีทั้งส่วนช้อปปิ้ง ส่วนของคาสิโน แถมยังมีเรือกอลโดล่าไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ล่องเรือกันขำๆ อีกด้วย (ถ้าใครพอนึกภาพเวเนเชียนที่มาเก๊าหรือลาสเวกัสออก อย่างนั้นเลยค่ะ) แต่จุดเด่นของ Marina Bay Sand คงต้องขอยกให้กับสถาปัตยกรรมการออกแบบ โดยเฉพาะชั้นบนสุดที่ทำเป็นเรือยอร์ช หากมองจากมุมไกลๆ ก็ทำให้รู้สึกเสียวว้าบๆ ได้ว่า เรือมันจะพุ่งออกจากตึกมั้ยนะ - -" แต่ยังไงก็ขอปรบมือดังๆ ให้แก่สถาปนิกเลยว่าคิดได้ไงเนาะ เก่งจัง







เทศกาลการ์ตูนที่ Angoulème O.O !

เทศกาลการ์ตูนที่ Angoulème O.O !

ประวัติเล็กน้อย นี้แน่นอนก็คือ Angoulême การ์ตูน City International และภาพที่บันทึกภาพการ์ตูนทั้งหมดที่ตีพิมพ์ในฝรั่งเศส ประเภทของห้องสมุดแห่งชาติการ์ตูน ... และยังอย่างใดไม่มีอะไรจะ Angouleme เพื่อผูกความสัมพันธ์ให้ดีกับศิลปะที่ 9เมืองอุตสาหกรรมขนาดเล็กมี Angouleme ไม่มีการเชื่อมต่อโดยเฉพาะในจักรวาล 70s ต้นนี้ มันเริ่มต้นด้วยนิทรรศการง่ายๆเรื่อง"10 ล้านภาพ : ยุคทองของการ์ตูน"จัดในช่วงปลาย 1972 ใน Groux ริเริ่มของ Francis จากนั้นสมาชิกสภาเทศบาล เขามีความคิดที่จะโทร Claude Moliterni เพื่อให้ได้ภาพและเสียงสำหรับงานนิทรรศการ


ในปีถัดไป, John Mardikian, รองนายกเทศมนตรีวัฒนธรรมคือการจัดปักษ์ของวรรณคดีที่ที่เขาสงวนสองวันพุธอุทิศให้กับการ์ตูน แม้นั้นของผู้เขียนที่มีชื่อเสียงมากขึ้นลักษณะที่ Angouleme ต่อไปความกระตือรือร้นที่ตามนั้นมันก็เพียงพอที่เนื่องจากปีนี้เทศกาลถูกสร้างขึ้นในรูปแบบปัจจุบัน มันหนักเสมอเพื่อเทศกาล Lucca ในเวลาที่ใหญ่ที่สุดของชนิดในยุโรปแล้วจะจัดโดยสมาคมประธาน Francis Groux และมีเลขานุการเป็นผู้ใดนอกจาก John Mardikian ทั่วไป



ความสำเร็จของงานเป็นผลมาจากการเปิดกว้างในการสไตล์ของ strip - การ์ตูน นอกจากนี้การกระจายอำนาจของกิจกรรมสามารถ goers งานใน เมืองจะช่วยให้งานที่กระจายไปพื้นที่ infinite จริงในขณะที่ช่วยให้ผู้เข้าชมจะผสมธุรกิจกับความสุขในการทำบางเที่ยว นอกจากกว่าปีวิชาการและการประชุมอื่น ๆ คูณในทุกวิชาจึงเพิ่มแผงซึ่งเป็นงานสาธารณะ


เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ !!!~

เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์
สัญลักษณ์ประจำเทศกาล
เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (อังกฤษ: Cannes Film Festival ; ฝรั่งเศส: le Festival de Cannes) เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946 ถือเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเทศกาลหนึ่ง และมีอิทธิพลมากที่สุดรวมถึงชื่อเสียง เทียบเคียงกับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสและเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน งานจัดขึ้นประจำปี ราวเดือนพฤษภาคม ที่ Palais des Festivals et des Congrès ในเมืองคานส์ ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 62 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2009