กินเจปีนี้ กินยังไงให้ได้ประโยชน์

สำหรับ “อาหารเจ” เป็นอาหารที่ปรุงจาก “พืช-ผัก” เป็นหลัก ปราศจากเนื้อสัตว์ ไม่มีส่วนประกอบใดที่นำมาจากสัตว์ทุกประเภท อีกทั้งอาหารเจที่แท้จริงยังต้องปรุงโดยปราศจาก “พืชผักฉุน 5 ประเภท” ด้วย

พืชผักฉุน 5 ประเภทที่ “ต้องห้าม” สำหรับอาหารเจ ก็ ประกอบด้วย...
1. กระเทียม (หมายรวมถึงหัวกระเทียม ต้นกระเทียม)
2. หัวหอม (หมายรวมถึงต้นหอม ใบหอม หอมแดง หอมขาว หอมหัวใหญ่)
3. หลักเกียว (คือกระเทียมโทนจีน ลักษณะคล้ายหัวกระเทียม แต่มีขนาดเล็กและยาวกว่า ในไทยไม่พบว่าปลูกแพร่หลาย)
4. กุยช่าย (คล้ายใบหอม แต่แบนและเล็ก กว่า)
5. ใบยาสูบ (บุหรี่ ยาเส้น ของเสพติดมึนเมา)



อาหารเจหรืออาหารของคนกินเจ ถ้าวัตถุดิบที่ใช้ปรุงปลอดภัย ปรุงถูกหลักเจ กินถูกหลักเจจริง ๆ จึงจะถือว่าเป็นอาหารที่ปรุงและกินตามหลักเวชศาสตร์และเภสัชศาสตร์โบราณของจีนเท่านั้น

การกินเจที่ถูกสุขอนามัย นอกจากพืชผักแล้วก็ควรต้องกิน “ผลไม้สด” ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลังอาหารทุกมื้ออย่างสม่ำเสมอ ควรกิน “ผัก-ผลไม้ให้ครบ 5 สี 5 ธาตุ” สลับเปลี่ยนหมุนเวียนในแต่ละวันคือ 1.สีแดง (แดงส้ม แสด ชมพู) ธาตุไฟ 2.สีดำ (น้ำเงิน ม่วง) ธาตุน้ำ 3.สีเหลือง (เหลืองแก่ เหลืองอ่อน) ธาตุดิน 4.สีเขียว (เขียวเข้ม เขียวอ่อน) ธาตุไม้ 5.สีขาว (ขาวนวล ขาวสะอาด) ธาตุโลหะ

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือผู้ที่กินอาหารเจควรกิน “เมล็ดธัญพืช” กิน “พืชที่เป็นหัวในดิน” เช่น เผือก มัน กลอย กิน “ถั่ว” ซึ่งมีคุณค่าโภชนาการสูง โดยถั่วจะมีสารอาหารทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ นอกจากนี้ยังควรกินถั่วทั้ง 5 สีเป็นประจำ ซึ่งถั่วแดงดีต่อหัวใจ, ถั่วดำดีต่อไต, ถั่วเหลืองดีต่อม้าม, ถั่วเขียวดีต่อตับ, ถั่วขาวดีต่อปอด


และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “สาหร่ายทะเล” ทั้งสดและแห้ง พร้อมทั้งใช้ “เกลือทะเล” ปรุงอาหาร โดย 2 อย่างนี้มีไอโอดีน ซึ่งสามารถป้องกันโรคคอพอกได้เป็นอย่างดี

ควรจะต้องกินอาหารหรือขนมที่ใส่ “งาขาวและงาดำ” โดยในเมล็ดงามีกรดไขมันไลโนเลอิคที่จำเป็นต่อร่างกายมาก และร่างกายเราไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ซึ่งในการกินเจนั้น หากกินงาในปริมาณวันละประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ก็นับว่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

และท้ายที่สุดคนที่กินอาหารเจ “ไม่ควรกินรสจัดเกินไป” เพราะรสขมจัดส่งผลเสียต่อหัวใจ รสเค็มจัดส่งผลเสียต่อไต รสหวานจัดส่งผลเสียต่อม้าม รสเปรี้ยวจัดส่งผลเสียต่อตับ รสเผ็ดจัดส่งผลเสียต่อปอด รวมไปถึงควร “เลี่ยงการกินอาหารหมักดอง” ผักดอง ผลไม้ดอง ควรกินแต่อาหารสดที่ปรุงใหม่ ขณะที่ในส่วนของเครื่องดื่ม ควรดื่ม “น้ำผลไม้สด” ที่ดีต่อร่างกาย และดื่ม “น้ำสะอาด” วันละอย่างน้อย 8 แก้ว เป็นประจำ